วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2558

การวิพากษ์วิจารณ์สื่อ


จัดทำโดย

นายนวพล จันทรี รหัสนักศึกษา 553410080237
สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ศึกษา คณะครุศาสตร์



เสนอ

อาจารย์กีรติ ทองเนตร



รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา สื่อสังคมออนไลน์
มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม

ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2558



คำนำ
              รายงานการวิพากษ์วิจารณ์สื่อฉบับนี้ เป็นส่วนของการเรียนในรายวิชา สื่อสังคมออนไลน์ มีเนื้อหาเกี่ยวกับการวิจารณ์สื่อต่างๆดังต่อไปนี้ โฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมความงามภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาและการแสดงออกทางเพศ  โฆษณาผลิตภัณฑ์ลดน้่าหนัก การ์ตูนที่มีเนื้อหารุนแรง  ภาพหลุด  การใช้สื่อเพื่อด่าทอ  ภาพความรุนแรงของเด็กและเยาวชน  ศิลปิน/ดาราต่างประเทศ  การน่าเสนอข่าวสารการเมือง  การน่าเสนอข่าวในลักษณะความเชื่อปาฏิหาริย์ ซึ่งให้ผู้ที่สนใจจะศึกษาได้ศึกษาหาความรู้พิ่มเติมผ่านทาง blogger
          ผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารายงานวิพากษ์วิจารณ์สื่อฉบับนี้คงเอื่อประโยชน์แก่ผู้สนใจไม่มากก็น้อย
                                                                                                            นวพล จันทรี
                                                                                           ผู้จัดทำ
           27 ตุลาคม 2558





โฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมความงาม

ที่มา : http://www.mapostsell.com/
          คำว่า “ค่านิยม” นั้นบ่งบอกว่าไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ แต่เป็นความคิดความเชื่อที่ถูกสร้างขึ้นและยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมาเรื่อยๆ ค่านิยมความงามนั้นเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยและสังคม เช่น ผู้หญิงไทยในอดีตจะถือว่าเป็นหญิงงามก็ต่อเมื่อมีฟันดำ หรือผู้หญิงตะวันตกในยุคสมัยหนึ่ง ต้องมีรูปร่างอวบจึงจะถือว่าเป็นผู้หญิงงาม สำหรับความงามในปัจจุบันของสังคมไทย คือ การมีผิวขาว เนียน ใส รูปร่างผอมบาง เอวเล็ก สะโพกผาย ซึ่งรูปแบบความงามลักษณะนี้ถูกเผยแพร่ผ่านโฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมความงาม หรือเวทีประกวดนางงามอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน จนกลายเป็นมาตรฐานความงามที่ผู้หญิงไทยต้องไปให้ถึง ซึ่งหมายความว่าผู้หญิงไม่สามารถเลือกที่จะงามในแบบที่ตัวเองต้องการได้ 
โฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมความงามจึงพยายามทำให้ผู้หญิงรู้สึกว่าตัวเองมีสรีระร่างกายที่บกพร่องไม่จุดใดก็จุดหนึ่ง พร้อมกับเสนอทางออกที่จะช่วยปรับปรุงให้ดีขึ้น เช่น ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวยี่ห้อหนึ่งมีจุดเน้นอยู่ที่การปรับผิวของผู้หญิงให้ขาวเนียน จนถึงกับมีสโลแกนว่าหากใช้ผลิตภัณฑ์นี้ภายในเจ็ดวัน สามีที่เริ่มห่างเหินก็จะกลับมา เป็นการสื่อสารกับผู้หญิงว่าความขาวคืออำนาจของผู้หญิง ยิ่งไปกว่านั้น ผู้หญิงยังถูกทำให้เชื่อว่าถ้าปรับแต่งร่างกายให้ได้มาตรฐานความงามในอุดมคติ ก็จะประสบความสำเร็จทั้งในด้านอาชีพ และชีวิตส่วนตัว ยิ่งผู้หญิงรู้สึกว่าตัวเองบกพร่องในหลายๆ จุด ธุรกิจเสริมความงามก็ยิ่งเฟื่องฟูมากขึ้น ในแง่นี้ ร่างกายของผู้หญิงจึงกลายเป็นแค่พื้นที่ในการแสวงหาประโยชน์ทางธุรกิจ โดยการจับค่านิยมความสวยความงามมาเป็นเครื่องมือในการขยายฐานลูกค้า
 ในแง่นี้ สื่อจะมีบทบาทอย่างสูงในการปรับเปลี่ยนค่านิยมความงาม โดยการลดพื้นที่ในการนำเสนอข่าวความงามบางประเภทที่ตอกย้ำความงามแบบมาตรฐานเดียว เช่น ข่าวการประกวดนางงามเวทีต่างๆ และเพิ่มพื้นที่ให้กับวิชาชีพอื่นๆ ที่นอกเหนือจากแพทย์เป็นผู้ให้ข้อมูลร่วมด้วยเมื่อมีข่าวผู้หญิงได้รับความเสียหายจากการรับบริการเสริมความ

ภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาและการแสดงออกทางเพศ

ที่มา : http://www.moviego2.com/player1233-7457.html
           สังคมไทยในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมไปอย่างมาก ซึ่งเกิดจากกระแสโลกาภิวัตน์ได้ สร้างค่านิยมผ่านทางข้อมูลข่าวสารที่สามารถทาได้อย่างรวดเร็ว และคลอบคลุมไปทั่วโลก การสื่อสารที่เกิดขึ้นได้นามาซึ่งการเปลี่ยนแปลงทั้งวิถีชีวิต ทัศนคติ ค่านิยม ความเชื่อ แนวคิด วัฒนธรรม และอื่น อีกมากมาย
         ในปัจจุบันนี้พบว่า ภาพยนตร์ เป็นสื่อมวลชนอีกประเภทหนึ่งที่ได้รับความนิยมและมีผลต่อพฤติกรรม ค่านิยมของวัยรุ่นจานวนมากอย่างรวดเร็ว ทั้งภาพยนตร์ที่ผลิตขึ้นในประเทศและภาพยนตร์จากต่างประเทศวัยรุ่นหรือเยาวชนเป็นบุคคลกลุ่มหนึ่งที่รับเอากระแสโลกาภิวัฒน์มาใช้ในการดาเนินชีวิตได้อย่างรวดเร็ว เพราะวัยรุ่นเป็นวัยที่ยอมรับนวัตกรรมใหม่ ๆ ได้ง่าย และการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต แนวคิดต่าง ๆ เหล่านี้มีทั้งกระทบในด้านดี และไม่ดี สิ่งที่เปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับวัยรุ่นนั้นจะส่งผลกระทบต่อประเทศชาติต่อไป เช่น
          หนังเรื่อง จันดารา หนังเรื่องนี้ บทบาทของผู้หญิงในเรื่องนี้จะเป็นเหยื่อของกามอารมณ์ของผู้ชายเกือบทั้งหมด การเคลื่อนไหวทางสังคมยุคสมัยนั้น ความเชื่อที่ว่า ผู้ชายเป็นช้างเท้าหน้า และความไม่เท่าเทียมกันระหว่างเพศของยุคสมัยในเรื่อง จันดารา ความไม่เท่าเทียมกันทางเพศเกิดจากชายเป็นใหญ่ที่ผู้ชายจะเหนือกว่า ทำให้สามารถ  เอารัดเอาเปรียบ กดขี่ข่มเหงผู้หญิง ซึ่งผู้ชายมีความเป็นผู้นำและเข้มแข็งกว่า คิดจะทำอะไร ก็มีความเด็ดขาดในการตัดสินใจ จะเห็นได้ว่าผู้หญิงเรื่องนี้จะตกเป็นเบี้ยล่างอยู่ตลอด

โฆษณาผลิตภัณฑ์ลดน้่าหนัก

ที่มา : http://www.thesecretplus.com/
          ด้วยวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป ผู้คนให้ความสนใจในรูปร่างทรวดทรงมากขึ้น โดยเฉพาะในสังคมวัยรุ่นที่นิยมให้มีรูปร่างร่างผอมบางเหมือนกับนางแบบในสื่อต่าง ๆ ทาให้วัยรุ่นแสวงหาวิธีการที่จะมีรูปร่างผอม บางเหมือนกับดารา หรือนางแบบ ทั้ง ๆ ที่บางคนมิได้อ้วน แต่ต้องการลดน้าหนักหรือลดความอ้วนเพื่อให้เป็นไปตามกระแส การลดน้าหนักหรือลดความอ้วนมีหลากหลายวิธี บางวิธีแม้จะทาให้น้าหนักลดลงได้ แต่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น การกินยาลดความอ้วน ทาให้บางรายต้องประสบกับปัญหาสุขภาพ บางรายรุนแรงจนถึงกับเสียชีวิตก็มี การเลียนแบบดาราที่นิยมล้วงคอเพื่อให้อาเจียนอาหารออกมา เพราะมีความเชื่อว่าเมื่อล้วงคออาเจียนเอาอาหารออกมาจนหมดแล้ว จะทาให้ไม่อ้วน ซึ่งเป็นการกระทาที่ไม่ถูกต้อง
           เดอะซีเคร็ทพลัส The Secret Plus ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมลดน้ำหนักวุ้นเส้น เห็นผลจริง ปลอดภัย อย. ไม่มีผลข้างเคียง หยุดทานได้ไม่โยโย่ว เดอะซีเคร็ทพลัส สูตรสกัดจากธรรมชาติเข้มข้นเหมาะสำหรับท่านที่ต้องการลดน้ำหนักเร่งด่วน หรือมีปัญหาลดน้ำหนักยาก ช่วยเปลี่ยนไขมันส่วนเกินที่สะสมมาเป็นเวลานานให้เป็นกล้ามเนื้อที่กระชับได้รูป สวยสมส่วน สัดส่วนกระชับได้รูปแบบที่คุณต้องพอใจ
          ปัจจุบันยาลดน้ำหนักหรือยาลดความอ้วนมีอยู่ด้วยกันมามายหลายร้อยยี่ห้อมีทั้งที่จดเทียนถูกต้องและแบบที่เป็นวางขายแบบไม่มีทะเบียนรับประกัน ดังนั้นผู้บริโภคควรศึกษาและหาข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนการตัดสินใจซื้อและทาน ยาที่ยกตัวอย่างข้างต้นเป็นยาที่ได้จดทะเบียนถูกต้อง แต่อย่างไรก็ตามถึงจะเป็นยาที่จดทะเบียนถูกต้องยาลดความอ้วนก็ยังถือว่าอันตรายมากอยู่ดีเพราะเป็นตัวยาที่รุนแรง ทางที่ดีควรหันมาออกกำลังกาย ควบคุมอาหาร และดูแลสุขภาพจิตใจให่ผ่องใสถึงแม้จะเป็นวิธีที่เห็นผลช้าแต่ก็ถือว่าปลอดภัยมากกว่าการใช้ยา


การ์ตูนที่มีเนื้อหารุนแรง

          การ์ตูนที่มีการใช้ความรุนแรงปัจจุบันนี้ได้ถูกสั่งให้ยกเลิกผลิตและยกเลิกฉายไปแล้วเพราะมีความรุนแรงเป็นอย่ามากทั้งทางด้านสังคม ด้สนการเมือง ด้านศาสนา เพศ ซึ่งยิ่งนับวันยิ่งทวีความรุนแรงออกมาเรื่อย ยิ่งวัยรุ่นเสพติดมากเท่าไหร่ยิ่งจะทำให้สังคมเมืองวุ่นวายมากยิ่งขึ้น เพราวัยรุ่นสมัยนี้มักเสพติดหรือมีการลอกเลือนแบบจากการ์ตูนภาพยนต์สื่อต่างๆ ยิ่งโลกทุกวันนี้ก้าวหน้าอย่างไปอย่างมาก การ์ตูนก็เป็นอีกสิ่งที่วัยรุ่ยให้ความสนใจ อย่างสมัยก่อนจะเป็นการ์ตูนแบบน่ารักๆธรรมดาแต่ ปัจจุบันนี้ได้เปลี่ยนไปตามยุกต์ตามสมัย ทำให้ยากต่อการควบคุม ถ้าการที่สั่งยกเลิกหรือห้ามผลิตก็ถือว่าเป็นการช่วนสังคมอย่ามมากทีเดียวถือว่า แต่สื่อที่พยายามจำนำมาต่อยอดหรือสื่อผิดกฏหมานที่ยังนำมาฉายก็ยังมีมากในโลกออนไลน์ ถ้าจะยกเลิกให้ได้จริงๆต้องมรมาตรการขั้นเด็ดขาด แต่อย่างไรก็ตามพ่อแม่ผู้ปกครองควรดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิดและดูแลอย่างถูกต้องเหมาะสมให้คำแนะนำชี้แนะต่างๆ

ภาพหลุด

ตัวอย่างสื่อข่าวภาพหลุด  เป็นอีกหนึ่งคู่ที่จิ้นกันแรงมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับ อาเล็ก ธีรเดช และ จอย รินลณี แม้วัยจะต่างกันแต่แฟนคลับเขาพากันลุ้นจนตัวโก่ง ก่อนหน้ามีภาพหลุด "จอย เต๋อ" นั่งกินข้าวในร้านอาหาร แต่ "เต๋อ" ได้บอกแล้วว่าไม่ใช่ภาพหลุดแต่อย่างใดเป็นภาพระหว่างรอทีมงาน
สำหรับข่าวเกี่ยวกับภาพหลุดดาราหรือบุคลสารธารณะ ต้องบอกก่อนว่ามีอยู่แทบทุกวงการ สำหรับความคิดเห็นส่วนตัวผม มันก็เป็นการเป็นสิธิส่วนบุคลที่เขามีสิทธิ์ที่จะถ่ายภาพหรือถ่ายวีดีโอ แต่อย่างไรก็ตามภาพหลุดบางครั้งก็อาจเกิดจากการที่เจ้าของภาพหรือเจ้าของวีดีโอนำมาเผยแพร่เองหรือบุคคลอื่นนำมาแผยแพร่ นี้ก็อาจจะเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคลลถือว่ามีความผิด อย่างไรก็ตามคนที่เป็นบุคลสาธารณะหรือบุคลลทางสังคมที่มีคนติดตามก็ไม่ควรหรือไม่เหมาะที่จะกระทำการแบบนี้

การใช้สื่อเพื่อด่าทอ

          ชวน” เดือดโต้ “หมัก” บิดเบือนพูดเกินเลย ย้ำน้องชายไม่ใช่ข้าราชการจึงไม่ใช่ฉ้อราษฎร์ ระบุที่ผ่านมาเมื่อทำผิดพลาดก็ถูกธนาคารเล่นงานไปแล้ว อัดใช้สื่อรัฐด่าคนอื่น พร้อมเตือนอย่าวิจารณ์พาดพิงเลยเถิดถึงคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกัน ขณะเดียวกันเรียกร้องให้รัฐบาลสร้างความปรองดองจริงจัง ไม่ใช่พูดอย่างทำอย่าง
วันนี้ (21 เม.ย.) นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตอบโต้ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กรณีกล่าวพาดพิงถึงนายระลึก หลีกภัย น้องชายว่าฉ้อราษฎร์บังหลวงว่า เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง เพราะน้องชายของตนเองไม่ได้เป็นข้าราชการ แต่เป็นพนักงานธนาคาร ซึ่งเมื่อทำผิดพลาดก็ถูกธนาคารเล่นงานไปแล้ว แต่นายสมัครก็หยิบประเด็นมาพาดพิงผิดๆ ซึ่งตนเห็นว่าไม่เป็นธรรมที่จะใช้สื่อของรัฐในการกล่าวหาคนอื่น โดยขณะนี้นายระลึกก็อยู่เงียบๆ มีหน้าที่ดูแลนางถ้วน หลีกภัย มารดาที่บ้านแทนพี่น้องคนอื่นที่ต้องทำงาน
       นายชวน กล่าวด้วยว่า สาเหตุที่ทำให้นายสมัครเกิดความเข้าใจผิดจนออกมาพาดพิงถึงน้องชายตนเป็นเพราะมีสื่อมวลชนมาขอสัมภาษณ์เป็นการภายในให้วิเคราะห์การเมืองว่าเป็นอย่างไร ซึ่งตนก็ไม่ได้พาดพิงว่านายสมัครไม่มีความเหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรี เพียงแต่วิเคราะห์ถึงความไม่แน่นอนทางการเมือง 3 เรื่อง ซึ่ง 2 เรื่องแรกเป็นเรื่องของนายสมัครโดยตรง คือ เรื่องคดีที่อยู่ในศาล 1 เรื่องที่ศาลชั้นต้นพิพากษาไปแล้วให้จำคุก 4 กระทง จำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ตอนนี้อยู่ระหว่างการสู้ในศาลอุทธรณ์ ถ้ากรณีนี้ศาลสูงตัดสินยืนตามศาลชั้นต้น ความเป็นนายกรัฐมนตรีก็จะจบลง รัฐบาลก็จะล้มทันที และหากคดีนี้จะจบลงได้ก็ต่อเมื่อผู้เสียหายถอนฟ้อง หรือศาลตัดสินกลับ แต่ในกรณีถอนฟ้องก็ทราบมาว่าได้มีการให้พระไปคุยกับนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่เป็นโจทก์ ซึ่งก็ยังเสี่ยงอยู่
สำหรับคดีที่ 2 คือ เรื่องรถดับเพลิง ที่เกิดขึ้นระหว่างเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ชี้มูลไปแล้ว แต่ยังไม่ขึ้นศาล ซึ่งถ้าผิดจริงก็จะหนักยิ่งกว่าคดีหมิ่นประมาท อีกคดีคือ เรื่องยุบพรรคตามมาตรา 237 ของรัฐธรรมนูญ ถ้าพรรคถูกยุบไปก็จะเป็นเช่นเดียวกับการยุบพรรคไทยรักไทย พูดง่ายๆ ก็คือต้องเปลี่ยนรัฐบาลเลือกตั้งกันใหม่ในบางตำแหน่ง เหล่านี้คือสิ่งที่ตนวิเคราะห์ ซึ่งในพรรคประชาธิปัตย์เราได้พูดกันว่าพลังประชาชนเขากล้าที่จะเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี และประธานรัฐสภาที่มีปัญหาอยู่แล้ว ไม่ใช่มีปัญหาทีหลัง ถ้าวันข้างหน้าเกิดกรณีเหล่านี้ขึ้นจริง ใครจะรับผิดชอบ เพราะเรื่องเหล่านี้ไม่เคยเกิดมาก่อนในการแต่งตั้งตำแหน่งเหล่านี้ จึงถือเป็นเรื่องที่แตกต่างจากอดีตมาก ตนพูดเท่านี้และจำคำพูดตัวเองได้ทุกคำ คำพูดทุกคำพูดอย่างระมัดระวัง ไม่พูดเกินความจริง
       “ผมไม่ได้พูดว่านายสมัครไม่เหมาะสม หรือเป็นคนไม่ดี ไม่เคยว่าท่านและไม่มีสิทธิ์จะว่าท่านด้วย เพราะเมื่อชนะเลือกตั้ง ท่านก็มีสิทธิ์เป็นน่ายกรัฐมนตรี แต่ความเหมาะสมเป็นอีกเรื่องหนึ่ง จึงไม่แน่ใจว่าท่านไปหยิบประเด็นอะไรมา” นายชวน ระบุ
       ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวว่า การที่นายสมัครออกมาตอบโต้ก็เป็นเรื่องปกติ เพราะความเห็นต่างกันได้ แต่อยากให้ยืนอยู่บนความเป็นจริงว่าตนเองพูดอะไร แต่ท่านเลยไปถึงน้องชายของตนซึ่งมันไม่เกี่ยวเลย ความจริงน้องชายของตนก็บรรลุนิติภาวะ เขาเป็นตัวของเขาเอง ไม่ได้มาเกี่ยวข้องอะไรกับตน แต่น้องชายไม่ได้เป็นข้าราชการจึงไม่ได้ไปฉ้อราษฎร์บังหลวงเขาเป็นลูกจ้างธนาคารวันหนึ่งเมื่อทำผิดพลาด ธนาคารก็เล่นงานเป็นไปตามกระบวนการ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตำแหน่งของตนเลย ตนเองก็ไม่เคยไปพูดถึงญาติพี่น้องของท่านเลยเพราะตระหนักดีว่าเรื่องของใครก็เรื่องของคนนั้น
อีกเรื่องคือ การใช้สื่อของรัฐ ก็ต้องบอกว่าเห็นความไม่เหมาะสมมาตลอด ที่ใช้สื่อเพื่อว่าคนนั้นคนนี้ ด่าคนนั้นคนนี้ ไม่ควรจะทำ และไม่ใช่กรณีน้องผมคนเดียวเท่านั้นรวมทั้งคนอื่นด้วยก็ไม่ควรทำ ท่านมีสิทธิ์ใช้สื่อของรัฐในการประชาสัมพันธ์ ซึ่งน่าจะเป็นการแถลงการปฏิบัติภารกิจสิ่งที่ท่านทำ หรือที่กำลังจะทำ แต่การใช้สื่อของรัฐด่าคนอื่นมันไม่ถูกต้องอยู่แล้ว และไม่เป็นธรรมด้วย ไม่มีใครมีสิทธิ์ที่จะทำอย่างนี้ แต่ก็มันก็อยู่ที่ความสำนึกของท่านเอง ความจริงเรื่องอย่างนี้มันไม่ยาก เพราะคนทั่วไปก็รู้อยู่แล้วว่ามันเหมาะหรือไม่อยากเรียนว่าขอให้ท่านนายกฯระวังว่าการจะพูดตรงไปตรงมาต้องพูดความจริง และท่านก็ต้องยอมรับตัวเองด้วยว่า ท่านถูกคดีหมิ่นประมาทเยอะมาก เฉพาะคดีของคุณสามารถก็ 5 คดีแล้ว เมื่อมีคดีก็เป็นความไม่น่าพอใจด้วยกันทั้งสองงฝ่าย ดังนั้นต้องมาระวัง เพราะถ้ามีปัญหาวันข้างหน้าอีก ก็จะมาบ่นอีก ดังนั้นคนที่เกี่ยวข้องก็อย่าไปพูดพาดพิงเขา” นายชวนกล่าว
       ถามว่า ออกมาแนะนำอย่างนี้คิดว่าจะทำให้นายสมัครมีจิตสำนึกที่ดีขึ้นหรือไม่ เพราะนายสมัครมีอำนาจจะใช้สื่อต่อไปอย่างไรก็ได้ นายชวน กล่าวว่า ถึงจะมีอำนาจก็เถอะแต่ความสำนึกก็เป็นส่วนหนึ่งของการวินิจฉัยว่าอะไรเป็นอะไร แต่เราก็คงไปเปลี่ยนอะไรท่านไม่ได้ แต่เราเสนอว่าบางเรื่องที่ท่านเข้าใจผิดก็ขอให้ถ่องแท้หน่อยว่าจริงๆ คืออะไร ถ้าตนไปด่าว่านายสมัครเป็นคนไม่ดี ทุจริต โกง และไม่เหมาะสมที่จะเป็นนายกฯ ท่านก็ตอบโต้มาได้อย่างรุนแรง แต่เราไม่ได้พูดอย่างนั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะฟ้องเพิ่มอีกคดีหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า น้องชายจะทำอย่างไรต่อไปก็คงเป็นสิทธิ์ของเขา แต่น้องชายตนไม่ใช่ข้าราชการจึงไม่ได้ไปฉ้อราษฎร์บังหลวงอะไร ส่วนที่นายสมัครออกมาพาดพิงเช่นนี้เพราะต้องการดิสเครดิตตนหรือไม่นั้น คิดว่าไม่มีอะไรที่จะต้องดิสเครดิตเพราะไม่ช่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต่างหากที่เป็นคู่แข่งท่าน ตนเป็นแค่ประธานสภาที่ปรึกษาเท่านั้นเอง และไม่ได้เป็นปฎิปักษ์กับท่าน
       “ผมคิดว่าการที่นายกฯ พูดเช่นนี้ไม่ได้ทำให้ผมเสียความน่าเชื่อถือ แต่จะเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของตัวท่านเอง เพราะหากพูดอะไรไปไม่ตรงก็จะเสียหาย อย่างผมวิเคราะห์การเมืองออกไป ถ้าวิเคราะห์ผิดก็วิจารณ์กลับมาได้ แต่นี่ท่านเลยเถิดลามไปถึงญาติพี่น้อง โดยที่ผมไม่ได้ว่าอะไรท่าน ผมวิเคราะห์ว่าพรรคพลังประชาชนกล้า ไม่ได้บอกว่าท่านกล้าที่เสนอคนที่มีปัญหาอยู่แล้วให้ได้รับการโปรดเกล้าแต่งตั้ง เราทำวิธีการแบบเปิดเผยตรงไปตรงมา ที่ผมเห็นด้วยเพราะดีกว่าไปออกใบปลิว” นายชวน กล่าว
นายชวน กล่าวถึงการออกใบปลิวว่า กระบวนการนี้ทำมานานแล้ว หยาบคาย หมิ่นประมาทชัดเจน สิ่งที่เสนอไปก็เพื่อหวังว่าจะได้รับความร่วมมือที่จะได้เรียกร้องความสามัคคี เพราะการจะสามัคคีต้องทำให้เงื่อนไขความขัดแย้งหมดไป นั่นคืออย่าไปทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง หรือทำลับหลัง ไม่ซื่อตรง ไม่ใช่ว่าต่อหน้าเรียกร้องความสามัคคี แล้วทำร้ายเขาด้วยการคุกคามด้วยเอกสาร คนที่อยู่ในที่แจ้งก็ไม่สามารถโฆษณาหรือแก้ตัวได้ ถ้าแจกร้อยคนแล้วมีคนเชื่อสิบคนก็มีผลทั้งนั้น ตนไม่ได้ระบุว่าใครเป็นผู้ทำ แต่เมื่อมีปฏิกิริยาออกมาก็ดี ดังนั้น ขอให้รัฐบาลร่วมมือกันดีกว่า เพื่อแก้ปัญหา เพราะกระบวนการนี้ไม่ใช่คนธรรมดา มีทั้งเงินและเครื่องมือ อยากเชิญชวนรัฐบาลและรัฐมนตรีมาร่วมมือกัน แต่เอกสารก็ให้รัฐมนตรีไม่ได้ เพราะตามกฎหมาย รัฐมนตรีไม่ใช่เจ้าหน้าที่
       “อย่าไปตั้งหลักว่าสิ่งที่ผมนำมาพูดแล้วไประบุว่าท่านเป็นผู้ทำ ซึ่งผมไม่ได้พูดเลย แต่หลายคนก็มีความรู้สึกว่า ถ้าเราพูดแล้วต้องหมายถึงท่านเพราะถ้ารู้และหลายคนก็ท้าว่า ถ้าผิดจริงทำไมไม่ฟ้องก็เพราะว่ามันไม่รู้น่ะสิว่าใครเป็นคนทำ จึงฟ้องไม่ได้ ถ้าเรารู้เราก็แจ้งความดำเนินคดี” นายชวน กล่าว
       ผู้สื่อข่าวถามว่า มองอย่างไรที่รัฐบาลไม่ดำเนินการเรื่องนี้แต่กลับโยนภาระมาให้ท่านเป็นผู้ไปแจ้งความดำเนินคดี นายชวน กล่าวว่า ตนคิดว่าเขาคงไม่อยากรับรู้สิ่งเหล่านี้มากกว่า เพราะมันเป็นเรื่องที่หากไปรับแล้วก็ต้องไปล่าตาม เดี๋ยวตามไม่ได้ก็จะเป็นความรับผิดชอบของเขาไป แต่จะได้ตัวหรือไม่ได้ตัวก็เป็นส่วนหนึ่งที่อยากได้คือความจริงใจที่จะมาร่วมมือกัน และไม่อยากให้ดูดาย เหมือนดูประหนึ่งว่าการด่าผู้หลักผู้ใหญ่เป็นเรื่องช่างหัวเพราะไม่ใช่ตัวเรา
       เมื่อถามว่านายสมัครเคยพูดในรายการสนทนาประสาสมัคร เกี่ยวกับหนังสือก้อนกรวดในรองพระบาท แต่กลับไม่ดำเนินการอะไรในเรื่องนี้ ถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ นายชวน กล่าวว่า นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เคยนำเสนอประเด็นนี้แล้วก็รอดูว่าท่านจะทำอย่างไร แต่อย่าเพิ่งไปพูดถึงเรื่องแจ้งความฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เลย เดี๋ยวจะมีเรื่องอื่นตามมาอีก
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสมัครกับนายชวนเป็นเพื่อนนิติศาสตร์รุ่นเดียวกัน เมื่อเกิดกรณีพาดพิงยังมีความเป็นเพื่อนอีกหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ความเป็นเพื่อนก็เป็นเพื่อน ตนว่านายสมัครก็ไม่มีอะไร เคยอยู่ด้วยกันในพรรค ท่านเป็นสมาชิกตนก็เป็นคนหนึ่งที่สนับสนุนท่าน และไม่มีอะไรเป็นส่วนตัวที่จะไปรังเกียจรังงอนหรือจะไปทำอะไรท่าน ต่างคนต่างอยู่ เมื่อออกจากพรรคไปแล้วท่านก็ไปหาความก้าวหน้าในพรรคใหม่ของท่าน ตนก็อยู่ที่เดิม วันหนึ่งท่านเคยบอกว่าพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นพรรคต่ำ 10 แน่ ตนก็ยังอยู่ที่เดิม ดังนั้นโดยส่วนตัวไม่มีอะไรกัน
       ต่อข้อถามที่ว่าเมื่อไม่มีปัญหาส่วนตัวเหตุใดนายสมัครจึงชอบพูดพาดพิงถึง นายชวน กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ยังไม่ได้เป็นนายกฯ แต่ก็ไม่เป็นอะไรถ้าหากเป็นเหตุเป็นผล แต่ตรงข้ามหากบิดเบือนตนก็อยากขอร้องพวกเราทุกคนให้ความจริงกับท่านด้วย การที่ท่านมาโต้ตอบก็อาจเป็นเพราะว่าไม่ได้อ่านหรือฟังทั้งหมด
การใช้สื่อด่าทอคนอื่น ซึ่งต้องทำความเข้าใจก่อนว่า หลักความเป็นจริงแล้วการใช้คำด่าคนอื่นก็ถือว่าไม่เหมาะสมมาพอแล้ว แต่ยิ่งเป็นการด่าคนอื่นผ่านสื่อยิ่งทำให้คนเราถูกจับตามอง ถึงจะมีความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตามก็ไม่เหมาะสมและไม่ควรอย่างยิ่ง


ภาพความรุนแรงของเด็กและเยาวชน

          สาเหตุของการเกิดความรุนแรง
1. มีความขัดแย้งกัน จนเกิดอารมณ์ ที่เป็นต้นเหตุในการใช้ความรุนแรง
2. มีความผิดปกติทางจิตใจ คือเป็นคนก้าวร้าว ชอบการกระทำที่รุนแรง ขาดความเมตตาปราณี
3. เกิดจากครอบครัวที่มีแต่ความขัดแย้งกัน พ่อแม่ทะเลาะกัน ทุบตี และด่าว่ากัน จนลูกนั้นซึมซับ อาจเกิดพฤติกรรมเลียนแบบเพราะเห็น   เป็นเรื่องปกติ
4. มีค่านิยมผิดๆ ซึ่งแสดงออกเป็นพฤติกรรมที่ไม่ดี เช่น เห็นว่าสามีทำร้ายภรรยาเป็นเรื่องปกติ ความรุนแรงเป็นเรื่องส่วนตัว เป็นต้น จึงส่งผลทำให้ไม่มีผู้ใดเข้าไปช่วยเหลือ เพราะเห็นว่าไม่ควรเข้าไปยุ่ง
5. สามีหรือภรรยาไม่รับผิดชอบต่อครอบครัว โดยทิ้งให้อีกฝ่ายหนึ่งหากินเลี้ยงลูกเองตามลำพัง
6. มีการเลียนแบบสื่อต่างๆ ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับการใช้ความรุนแรง เช่น ภาพยนตร์ โทรทัศน์ เป็นต้น
7. มีการล่อลวง มอมยา แล้วหลอกหรือปลดเอาทรัพย์สินไป
8. การแต่งกายค่อนข้างล่อแหลมของผู้หญิงมีส่วนทำให้เกิดคดีอนาจารและข่มขืนได้
9. การคุยทางอินเตอร์เน็ตมีส่วนหลอกล่วงกัน
ผลกระทบจากการเกิดความรุนแรง
1. ทำให้ร่างการได้รับบาดเจ็บ พิการ หรือไม่สมประกอบ
2. สภาพจิตใจถูกทำร้ายและบอบช้ำมาก
3. อาจเสียชีวิตได้
4. ทรัพย์สินเสียหาย
5. เกิดความไม่สงบสุขในสังคม
6. อาจถูกดำเนินคดีเพราะทำผิดกฎหมาย
7. เสียงาน เสียเวลา เสียอนาคต
     แนวทางการป้องกันปัญหาความรุนแรงในสังคม
1. เจ้าหน้าที่ตำรวจควรช่วยดูแลกวดขันในจุดที่เป็นอันตรายให้มาก
2. ควรลงโทษผู้กระทำผิดทางอาญาให้หนัก ในคดีที่เกิดขึ้นซึ่งทำให้คนอื่นและสังคมเกิดความเดือดร้อน
3. การควบคุมสื่ออย่าให้ออกข่าวและแพร่ภาพเรื่องราวที่เกี่ยวกับความรุนแรงมากนัก
4. บุคคลต้องระวังตนเองให้ปลอดภัยจากการถูกจี้ ปล้น หรือวิ่งราวทรัพย์ รวมทั้งการหลอกลวง
5. บุคคลควรลดความขัดแย้ง
6. ยึดถือหลักศาสนาที่ตนนับถือโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการฆ่าสัตว์ การทำร้ายร่างกาย การเบียดเบียนผู้อื่น การเสพสารเสพติด
7. ผู้หญิงควรแต่งกายให้รัดกุม มิดชิด และระมัดระวังในการเดินทางไปในที่เปลี่ยว หรือไม่ปลอดภัย
8. ต้องใช้วิจารณญาณในการเล่นอินเตอร์เน็ต
9. รวมกลุ่มจัดดูแลชุมชน แจ้งเหตุแก่เจ้าหน้าที่เตือนภัยอาสาสมัคร
ปัญหาความรุนแรงในสังคม >> อิทธิพลของสื่อ
     วัยรุ่นจำนวนไม่น้อยที่หมกมุ่นเสียเวลาไปกับการเสพสื่อเพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลิน จึงมีสื่อหลายประเภทออกมาเรียกความสนใจจากวัยรุ่นกลุ่มนี้ และสื่อประเภทการต่อสู้ ไล่ล่า การใช้ความรุนแรง อาชญากรรม เป็นสื่อที่ได้รับความนิยมสูงเพิ่มมากขึ้น ทำให้ผู้ผลิตมีการแข่งขันในด้านการผลิตออกมาในรูปแบบสื่อสิ่งพิมพ์ เช่น การ์ตูน ภาพยนต์ ละคร เกมคอมพิวเตอร์อย่างแพร่หลาย
     มีวัยรุ่นจำนวนไม่น้อยเห็นว่าสื่อรุนแรงเหล่านี้ เป็นการฝึกทักษะความว่องไว เชิงชั้นในการต่อสู้และไล่ล่า โดยไม่ได้กระทำจริง หากแต่การกระทำซ้ำๆ บ่อยๆ ย่อมทำให้สื่อเหล่านี้มีอิทธิพลครอบงำ ล่อแหลม และค่อยๆ เปลี่ยนแปลงทัศนคตี ค่านิยม นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอย่างไม่รู้ตัวได้ เพราะถึงแม้จะมีการปราบปรามหรือมีการตรวจพิจารณาจากเจ้าหน้าที่ในการเผยแพร่ก็ยังคงมีเล็ดลอดแพร่หลายอยู่อีกมากมาย จึงจำเป็นต้องมีกลวิธีอื่นๆ ที่จะสร้างภูมิคุ้มกันให้กับวัยรุ่นไม่ให้นำแบบอย่างนั้นออกมากระทำความรุนแรงในสังคม ผู้ปกครองควรใกล้ชิดดูแลสอดส่อง ช่วยในการคัดเลือกสื่อ ครูและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องควรสร้างความตระหนักให้วัยรุ่นรู้จักวิเคราะห์และเลือกสื่ออย่างเหมาะสม


ศิลปิน/ดาราต่างประเทศ

          แดเนียล แรดคลิฟฟ์ เผย จีบแฟนสาว ขณะเข้าฉากเลิฟซีน
พระเอกหนุ่ม แดเนียล แรดคลิฟฟ์ (Daniel Radcliffe) ได้มานั่งให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Playboy ตอยบคำถามต่างๆที่สาวๆอยากรู้ หนึ่งในนั้นคือเรื่องความรักของเขากับ เอริน เดรก (Erin Darke) แฟนสาวคนปัจจุบัน แดเนียลเผยว่าเขาจีบเอรินผ่านการเข้าฉากเลิฟซีนในภาพยนตร์เรื่อง Kill Your Darlings. ที่ถ่ายทำในปี 2012 แดเนียลบอกว่า "นั่นเป็นสถิติสุดแปลกของพวกเราเลยเพราะจีบกันครั้งแรก แบบว่าไม่ต้องแสดงเลย" "มันเป็นตอนที่เธอหัวเราะใส่ผม และผมก็หัวเราะออกมาแบบไม่ใช่คาร์แรกเตอร์ตัวละครเลยล่ะ เธอเป็นคนที่สนุกสนานสุดๆแถมยังฉลาด และตอนนั้นเองที่ผมรู้สึกว่าผมคิดอะไรกับเธอ" 
          สำหรับข่าวดาราก็ถือว่าในวงการบันเทิงมีอยู่ทุกรูปแบบทุกข่าวทั้งข่าวฉาวข่าวดีทั้งทางด้านลบทั้งทางด้านบวก ขึ้นอยู่กับว่าคนเสพข่าวนั้นเป็นอย่างไร สำหรับดาราต่างประเทศก็เหมือนๆกับดาราไทยเป็นบุคคลสาธารณะเป็นบุคคลทางสังคม อย่างไรก็ตามเราก็ต้องสนับสนุนเขาในฐานะผู้ให้ความบันเทิงกับประชาชนคนทั่วไป
การนำเสนอข่าวสารการเมือง
ที่มา : https://www.facebook.com/con.rights/posts/444608598978722
          สมาคมวิชาชีพสื่อได้ตอบรับต่อการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชน ในระหว่างที่มีการชุมนุมทางการเมือง เพื่อคัดค้านร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน พ.ศ. (ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ) อย่างไร
          สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ออกจดหมายถึงเพื่อนสื่อมวลชน เรื่องแนวปฏิบัติหน้าที่สื่อมวลชน ระหว่างการชุมนุมทางการเมือง เพื่อคัดค้าน พรบ.นิรโทษกรรม พร้อมเรียกร้องผู้บริหารองค์กรสื่อยืนหยัดสนับสนุนการทำหน้าที่รายงานข้อเท็จจริงโดยปราศจากการแทรกแซง และขอสนับสนุนเป็นกำลังใจให้สื่อมวลชนทุกแขนง ทำหน้าที่นำเสนอข่าวสารบนพื้นฐานของเสรีภาพและความรับผิดชอบภายใต้กรอบจริยธรรมแห่งวิชาชีพสื่อ
จดหมายถึง เพื่อนสื่อมวลชน ผู้ประกอบการสื่อ และผู้ดำเนินการจัดการชุมนุม
เรื่อง การปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชน ในระหว่างที่มีการชุมนุมทางการเมือง เพื่อคัดค้านร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน พ.ศ. (ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ)
คณะกรรมการบริหารสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย มีความเห็นร่วมกันว่า สื่อควรทำหน้าที่ในการนำเสนอข่าวในการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มต่างๆ อย่างตระหนักถึงความสำคัญต่อข่าวสารที่นำเสนอและมีพื้นที่ในการนำเสนอที่มีความเท่าเทียมกัน ทางคณะกรรมการบริหารสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย จึงมีความเห็นร่วมกันดังนี้
1.การนำเสนอข่าว ท่ามกลางสถานการณ์ที่มีการชุมนุมทางการเมือง สื่อมวลชนทุกแขนงควรนำเสนอข่าวสารที่เป็นข้อเท็จจริงของสถานการณ์อย่างตรงไปตรงมา โดยปราศจากอคติ เปิดพื้นที่ให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้นำเสนอข้อเท็จจริงอย่างเหมาะสม
2.ผู้บริหารองค์กรสื่อ ควรคำนึงถึงการทำหน้าที่ในฐานะสื่อมวลชน และยืนหยัดสนับสนุนการทำหน้าที่รายงานข้อเท็จจริงโดยปราศจากการแทรกแซง และกังวลต่อแรงกดดันจากฝ่ายใดก็ตาม รวมทั้งไม่ควรงดการนำเสนอข่าว จนอยู่ในภาวะเซ็นเซอร์ตัวเอง (self -censorship)
3.ทางสมาคมฯใคร่ขอความร่วมมือมายังผู้ดำเนินการชุมนุมทุกกลุ่ม ทุกเวที ดำเนินการให้สื่อได้ทำหน้าที่อย่างอิสระและไม่ดำเนินการใดๆ ที่จะทำให้สื่อถูกเข้าใจว่าเป็นฝ่ายเดียวกับผู้ดำเนินการชุมนุม
ทั้งนี้สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ขอสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้สื่อมวลชนทุกแขนง ทำหน้าที่นำเสนอข่าวสารบนพื้นฐานของเสรีภาพและความรับผิดชอบภายใต้กรอบจริยธรรมแห่งวิชาชีพสื่อ เพื่อประโยชน์และสิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชนอย่างแท้จริง และเรียกร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเคารพสิทธิเสรีภาพ และเข้าใจในการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชนที่ปฏิบัติหน้าที่ เพื่อนำความจริงมาเสนอต่อสาธารณชนอย่างครบถ้วนรอบด้าน

การนำเสนอข่าวในลักษณะความเชื่อปาฏิหาริย์

ชาวบ้านเชื่อกระดูกพญานาคโผล่ กลางอ่างน้ำแห้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (6 ก.ค.) ชาวบ้านที่ จ.นครพนม ต่างพากันแตกตื่นหลังมีข่าวลือว่า ได้พบสิ่งแปลกประหลาดจากปาฏิหาริย์องค์พญานาค บริเวณอ่างเก็บน้ำ หนองไข่นก ในพื้นที่บ้านโพนทา หมู่ 2 ต.กุตาไก้ อ.ปลาบาก จ.นครพนม ซึ่งเป็นหนองน้ำสาธารณประโยชน์ ในโครงการพระราชดำริ มีเนื้อที่เกือบ 50 ไร่ ซึ่งปีนี้ได้ประสบปัญหาภัยแล้งทำให้น้ำในอ่างเก็บน้ำแห้งขอด ไม่มีน้ำขัง
โดยชาวบ้านร่ำลือว่า พบแสงประหลาดขนาดใหญ่ สีทองอร่าม พุ่งลงมากลางหนองน้ำในเวลากลางคืน มีชาวบ้านเข้าไปตรวจสอบพบสิ่งประหลาดกระจัดกระจายอยู่กลางหนองน้ำ มีลักษณะคล้ายเศษแก้วกึ่งเซรามิก สีใสคล้ายแก้วจำนวนมาก แต่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นวัสดุที่มีอยู่ตามธรรมชาติ
บางส่วนยังคล้ายเศษกระดูกของสิ่งมีชีวิต มีลักษณะกลมมีหนามแหลมคม คล้ายดอกไม้ชนิดหนึ่ง หลายขนาดด้วยกัน รวมถึงมีเศษคล้ายเม็ดน้ำตาล แต่มีขนาดใหญ่ ยาวประมาณ 1-3 ซม. โปรยเป็นทางทั่วหนองน้ำ คล้ายทางงูใหญ่เลื้อย และก้อนดินรูปร่างกล้ามคล้ายไข่สีเหลือง ผิดจากดินธรรมชาติที่อยู่กลางหนองน้ำ กระจัดกระจายตามพื้น
สร้างความแปลกใจให้กับชาวบ้านที่พบเห็น พากันแห่ไปพิสูจน์ บางคนเชื่อว่าเป็นชิ้นส่วนกระดูกพญานาค จึงเก็บไปบูชาเป็นเครื่องรางนำโชค แต่ภายหลังกับเกิดเรื่องแปลกประหลาด เมื่อนำไปแล้วจะเกิดฝันร้าย มีวิญญาณไปตามทวงคืน ทำให้เกิดความหวาดกลัวร่ำลือไปต่างๆ นาๆ จนต้องนำมาคืนไว้ที่เดิม และชุดธูปเทียนบูชาขอขมาลาโทษ บางรายต้องนำไปส่งคืนเก็บรักษาไว้ที่วัด สร้างความแตกตื่นให้ชาวบ้านหวั่นเกิดอาเพศ
ด้าน นายวรศักดิ์ ภูเวียงจันทน์ สมาชิกอบต. หมู่ 2 บ้านโพนทา ต.กุตาไก้ อ.ปลาปาก จ.นครพนม กล่าวว่า ชาวบ้านส่วนใหญ่ที่พบเห็นต่างพากันเชื่อว่า จะเป็นชิ้นส่วนซากกระดูกพญานาค หรือวัตถุที่เกิดจากปฏิหาริย์ของหลวงพ่อพญานาค เนื่องจากในอดีตแหล่งน้ำแห่งนี้ชาวบ้านเชื่อว่า เป็นวังที่อยู่อาศัยขององค์พญานาค ที่ปกปักษ์รักษาแหล่งน้ำ เพราะมีสายน้ำสาขาเชื่อมไปสู่น้ำโขง
ที่สำคัญการพบวัตถุประหลาดบริเวณอ่างเก็บน้ำดังกล่าว อาจจะเชื่อมโยงถึงตำนานการสร้างพระธาตุพนม ซึ่งในอนาคตหากมีการตรวจสอบพบเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ อาจจะได้ทำการรวบรวมเก็บรักษาพัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ศึกษาเส้นทางประวัติศาสตร์ ให้ประชาชน ได้ศึกษาเที่ยวชมต่อไป
ส่วนเรื่องตำนานพญานาค ขึ้นอยู่กับความเชื่อแต่ละบุคคล ซึ่งล้วนแต่เกี่ยวข้องกัน อาจเป็นปาฏิหาริย์ขององค์พญานาคตามความเชื่อ ที่ต้องการให้คนเคารพศรัทธา ในพระพุทธศาสนา ไม่ให้มีการลบหลู่ เพราะในตำนานองค์พญานาคเป็นผู้มีอิทธิฤทธิ์ และเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา พร้อมทำหน้าที่ปกปักษ์รักษาองค์พระธาตุพนม
เบื้องต้น ทาง อบต.กุตาไก้ ได้นำเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบเก็บข้อมูล โดยจะประสานเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานเกี่ยวข้อง มาตรวจสอบพิสูจน์หาที่มาต่อไป

อ้างอิง
http://www.moviego2.com/player1233-7457.html
http://www.thesecretplus.com/
https://www.facebook.com/con.rights/posts/444608598978722

วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2558

โคมไฟ 3 มิติ


โคมไฟเมื่อเปิดใช้งานแล้ว สามารถสร้างความสว่างให้กับห้องของคุณได้ ทำให้ทุกอย่างในห้องของคุณดูมีชีวิตชีวา แต่เมื่อปิดทุกอย่างลงช่างมืดมนและน่ากลัว นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของ Studio Cheha ที่ได้ทำการออกแบบโคมไฟรูปแบบใหม่ โดยได้รับการสนับสนุนจากโครงการระดมทุนของ Kickstarter*
Kickstarter* คือแหล่งระดมทุนชื่อดังที่เปิดโอกาสให้ผู้ที่มีไอเดียเจ๋งๆ แต่ขาดเงินสนับสนุน โดยนำเสนอแนวคิดผลงานผ่านทางเว็บไซต์เพื่อเชิญชวนให้ผู้คนช่วยกันร่วมสนับสนุนเงินเพื่อทำให้สิ่งของนั้นเกิดขึ้นเป็นรูปธรรม ซึ่งที่ผ่านมาก็มีหลายโปรเจ็คที่ประสบความสำเร็จ

โคมไฟนี้ แตกต่างจากโคมไฟปกติทั่วไป เพราะรูปแบบที่ออกแบบมานั้นเป็นโครงสร้างที่มีขนาดบางเป็นรูปร่าง 2 มิติ แต่เมื่อเปิดใช้งานแล้ว แสงไฟที่ส่องออกมาจะเป็นเสมือนกับภาพลวงตา ทำให้เรามองเห็นโคมไฟเป็นภาพ 3 มิติ เหมือนกับการดูหนัง 3 มิติในโรงภาพยนต์ ภาพที่ฉายก่อนที่เราจะใส่แว่นตา 3 มิตินั้น จะแสดงภาพออกมาเป็น 2 มิติ ทำให้จำเป็นต้องใส่แว่นตาสำหรับดูหนัง 3 มิติ แต่โคมไฟที่ออกแบบมานี้ ไม่จำเป็นต้องใส่แว่นตา 3 มิติ เพื่อมองแต่อย่างใด  ที่เป็นแบบนี้เพราะเกิดจากการแกะสลักแผ่นพลาสติกด้วยแสงเลเซอร์ ร่วมด้วยแสงของหลอด LED ที่ส่องผ่านไปตามช่องที่แกะสลักไว้ ทำให้เกิดภาพมุมลึกที่หลอกตา ส่งผลให้การมองภาพวัตถุนั้นกลายเป็นภาพ 3 มิติ


ที่น่าตื่นเต้นกว่านั้น คือ อายุการใช้งานของโคมไฟที่ทางผู้ผลิตการันตีว่า ใช้งานได้นานกว่า 50,000 ชั่งโมง หรือ ประมาณ 2,080 วัน กันเลยทีเดียว ทั้งรูปลักษณ์ดีไซน์ที่สวยงาม และประหยัดพื้นที่กว่าโคมไฟทั่วไป จึงทำให้โคมไฟชิ้นนี้น่าจับตามองยิ่ง